The Institute of Medicine ให้ความหมายของข้อผิดพลาดในการวินิจฉัยโรค (Diagnostic Error) ว่าเป็นการท่ีไม่สามารถอธิบายปัญหา สุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา หรือไม่สามารถสื่อสารคําอธิบายดังกล่าวให้แก่ผู้ป่วยได้ อาจแบ่ง diagnostic error ได้เป็น 3 ประเภท คือ
Missed Diagnosis หมายถึง กรณีที่อาการของผู้ป่วยไม่ได้รับคําอธิบาย เช่น อาการอ่อนเพลียหรือเจ็บปวดเรื้อรัง หรือผู้ป่วยมีอาการชัดเจนแต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยโรค
Wrong Diagnosis หมายถึง กรณีท่ีให้การวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง และมาพบสาเหตุท่ีแท้จริงภายหลัง
Delayed Diagnosis หมายถึง กรณีที่ควรได้รับการวินิจฉัยโรคเร็วกว่าที่เป็น เช่น การวินิจฉัยโรคมะเร็ง
โดย Diagnostic Error ดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยงที่แฝงเร้น โดย อ.อนุวัฒน์ ได้เสนอแนวทางการพิจารณา Diagnostic Error เป็นคำที่จำได้ง่ายๆว่า “L M I C” ซึ่งย่อมาจาก
L - literature review คือ...
HA National Forum 24
Apply Quality Improvement in Stigma in Healthcare Setting in SE Asia for People Safety (ENG ver.)
Quality Learning -
Stigma in healthcare settings, particularly against people living with HIV/AIDS, is a significant barrier to accessing quality care and achieving optimal health outcomes. Discrimination and prejudice from healthcare providers can discourage patients from seeking necessary treatment, adhering to medications, and engaging in preventive measures. In Southeast Asia, where the HIV epidemic remains a pressing issue, addressing stigma...
HA National Forum 24
Apply Quality Improvement in Stigma in Healthcare Setting in SE Asia for People Safety
Quality Learning -
การบรรยายวิชาการนี้เกี่ยวกับ framework ที่เรียกว่า QIS+D เพื่อจัดการกับความรู้สึกเป็นตราบาป (stigma) ของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ในสถานบริการสุขภาพ ทั้งนี้รายละเอียดของ framework นี้มีรายละเอียดประเด็นสำคัญในการประยุกต์ใช้ดังนี้
QIS+D Framework:
QI (Quality Improvement): QI คือรากฐานของกรอบงาน โดยมุ่งเน้นการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องเพื่อระบุและแก้ไขปัญหา
D (Disaggregation): ข้อมูลที่เก็บวิเคราะห์ต้องไม่ได้เป็นข้อมูลโดยรวม แต่ต้องแยกตามประชากรเฉพาะกลุ่ม ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ป่วยกลุ่มเฉพาะ เช่น ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี จะไม่ถูกปกปิดด้วยค่าเฉลี่ยโดยรวม
S (Stigma Measurement): เพิ่มเติมจากกรอบมาตรการคุณภาพทั่วไป stigma measurement เป็นเครื่องมือเฉพาะในการประเมินความความรู้สึกเป็นตราบาปของผู้ป่วยได้แก่:
Surveys for healthcare workers คือแบบสำรวจสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่ง แบบสำรวจเหล่านี้เป็นไปตามกรอบแนวคิดของของ Laura Knight-Blade โดยถามเกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมของบุคลากรต่อผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี
Patient feedback ผู้ป่วยจะได้รับการสอบถามโดยตรงเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนผ่านแบบสำรวจ การสัมภาษณ์ หรือกล่องรับความคิดเห็น
Health literacy data การประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับสภาวะของตน ซึ่งจะช่วยระบุถึงความรู้สึกเป็นตราบาปที่อาจถูกหล่อหลอมด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้
ความท้าทายต่อการนำ QIS + D Framework มาใช้:
Non-linear Measures : การวัดผลไม่สามารถสรุปได้ด้วยตัวเลขเพียงหนึ่งเดียว ต้องเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่รอบด้านต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และความตั้งใจของผู้นำไปใช้เป็นอย่างสูง
Patient and...
HA National Forum 24
Optimizing Patient Safety and Person-Centered Care: The True Formula for Organization Growth (ENG ver.)
Quality Learning -
This presentation by Dr. Karin Jay dives into patient safety and experience in healthcare, with a particular emphasis on medical travel. Here's a breakdown of the key points with additional details:
The Crucial Role of Communication:
Focus on Clear Communication: The presentation highlights the importance of clear and compassionate communication between various parties.
Organization to Patients...
HA National Forum 24
เทคโนโลยีดิจิทัลอินเทรนด์และการดูแลสุขภาพ: ค้นหาสมดุลที่เหมาะสม
Quality Learning -
ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล วงการสุขภาพก็ไม่ได้หลุดพ้นจากกระแสนี้ เมื่อคุณนึกถึงการปรับเปลี่ยนสู่ระบบสุขภาพดิจิทัล มีแนวคิดอะไรบ้างที่ผุดขึ้นมาในใจ คำที่กำลังฮิตติดปากอย่าง AI, Blockchain, Cloud และ Big Data (A,B,C,D) ก็มักจะโผล่เข้ามา อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแส และความหวังที่ล้อมรอบเทคโนโลยีเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือการหาสมดุลที่เหมาะสมในการประยุกต์ใช้เข้ากับงานด้านสุขภาพ
ประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความสำคัญของการตัดสินใจทางคลินิก ในการแพทย์ และการดูแลสุขภาพ คือความไม่แน่นอน ความแปรปรวนมากมายในอาการแสดงของผู้ป่วย พฤติกรรมของผู้ป่วย และผู้ให้บริการ การตอบสนองทางชีววิทยา และบริบททางสังคม โรคส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกวินิจฉัยจากเกณฑ์การวินิจฉัยเท่านั้น แต่อาศัยรูปแบบของอาการทางคลินิก และความน่าจะเป็นของโรคบางอย่างภายใต้ข้อมูลที่มีอยู่ (การวินิจฉัยแยกโรค)
ในขณะที่เครื่องจักรจะเก่งในเรื่องตรรกะ และการคำนวณ เครื่องจักรทำงานได้ดีตราบใดที่ข้อมูลป้อนเข้าถูกต้อง แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะสามารถแปลงเป็นดิจิทัล หรือรับในรูปแบบดิจิทัลได้ อีกทั้งข้อมูลดิจิทัลก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ประสบการณ์ บริบท และการสัมผัสแบบมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อพูดถึงการสร้าง “Smart Hospital” หรือ"โรงพยาบาลอัจฉริยะ" อาจพิจารณาหลักการดังนี้
Being Smart No.1: Focus on Information & Process Improvement, Not Technology
...
HA National Forum 24
Optimizing Patient Safety and Person-Centered Care: The True Formula for Organization Growth
Quality Learning -
ดร.คาริน เจย์ (Dr. Karin Jay) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Global Health Organization ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บรรยายถึงความสำคัญของความปลอดภัยและประสบการณ์ในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
1. ความสำคัญของการสื่อสาร:
การสื่อสารที่ชัดเจน: การสื่อสารที่ชัดเจนด้วยความรู้สึกเมตตาเข้าใจพร้อมให้ความช่วยเหลือซึ่งกันละกันระหว่างคู่สนทนามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
การสื่อสารจากองค์กรไปยังผู้ป่วยและครอบครัว: อธิบายสิ่งที่คาดหวังระหว่างการเข้ารับการรักษาให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจ องค์กรควรให้ความสำคัญรวมไปถึงในคำแนะนำเรื่องที่จอดรถ, การค้นหาเส้นทางในโรงพยาบาล, นโยบายการเยี่ยมผู้ป่วย และการคำนึงถึงจิตวิญญาณ ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ
การสื่อสารจากผู้ให้การรักษาไปยังผู้ป่วย: การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพรวมถึงการสร้างแผนการรักษาอย่างละเอียด การอธิบายขั้นตอนต่างๆ เสนอทางเลือกตามความต้องการของผู้ป่วย (เช่น เวลาปลุก หรือตัวเลือกยา) และให้ความมั่นใจในการตัดสินใจร่วมกัน
การสื่อสารระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ในขณะส่งต่อผู้ป่วย: การสื่อสารที่ถูกต้องในช่วงการเปลี่ยนเวรนั้นมีความสำคัญมากในการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด มีการใช้คำย่อคำว่า "RESPECT" เพื่อเตือนให้แสดงความเคารพในระหว่างส่งต่อ และให้มั่นใจว่ามีการส่งต่อข้อมูลสำคัญ และผลการตรวจอย่างถูกต้องและทันเวลา ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายความปลอดภัยของ National Patient Safety Goal ประจำปี 2024 ที่ประกาศโดย Joint Commission ด้านการสื่อสาร
2. การระบุและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านความรู้เรื่องสุขภาพ:
ความเข้าใจเรื่องความรู้ด้านสุขภาพ: ผู้ให้บริการควรตระหนักว่าผู้ป่วยอาจมีระดับความรู้ด้านสุขภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่จำเป็นจะเกี่ยวข้องกับระดับการศึกษาหรือพื้นหลัง
ผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย: ความรู้ด้านสุขภาพที่ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดทางการแพทย์
กลยุทธ์สำหรับผู้ให้บริการทางการแพทย์:...
HA National Forum 24
ปลดล็อกทางออก: จาก Gen Z ถึง Baby Boomers ในโลกเทคโนโลยีสาหรับโรงพยาบาล
Quality Learning -
ปัญหาช่องว่างระหว่างรุ่น (Generation Gap) เชื่อว่าทุกท่านคงเจอปัญหาในที่ทำงานของท่านไม่มากก็น้อย ปัญหานี้มีอยู่ตลอดเวลาและในทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยเร่งและกระตุ้นให้เราเห็นปัญหา Generation Gap ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในองค์กรของท่านคงเจอปัญหาจากการเข้ามาของเทคโนโลยี เช่น ระบบสารสนเทศไม่รองรับ พัฒนาเทคโนโลยีไม่ตอบโจทย์ปัญหาและอุปสรรคของโรงพยาบาล ขาดทีมผู้ปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่า Generation Gap น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาดังกล่าว แล้วเราจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร เราคงต้องตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไรให้คนในองค์กรไปด้วยกันได้ การมองภาพในเชิงระบบก่อนจะช่วยให้เรามองเห็นภาพที่กว้าง เราต้องมีมุมมองแบบ bottom up หากเรามองจากบนลงล่างจะทำให้เรามักยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางและมองว่าทุกอย่างเป็นปัญหาไปหมด
เราสามารถใช้แนวคิด ผู้นำกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร Peter Senge : Learning Organization (อ้างอิง นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์) มาเป็นแนวทางการลดช่องว่างและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจาก Generation Gap ได้ ซึ่งประกอบด้วย
สร้างวิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision)
สร้างแบบแผนความคิด (Mental Model)
พัฒนาขีดความสามารถตนเอง (Personal Mastery)
คิดและจัดการเชิงระบบ (Systems Thinking)
สร้างการเรียนรู้เป็นทีม (Team Learning)
...
HA National Forum 24
Second Victim Syndrome and Organization Support for Personnel Safety
Quality Learning -
“Don’t abandon the second victims of medical”
Second victim คือ บุคคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทั้งแพทย์ พยาบาลหรือบุคคลากรอื่นที่ได้ให้การดูแลรักษา ที่เกิดปรากฏการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ(second victim phenomenon) ซึ่งมีกระบวนการปรับตัวหลังเหตุการณ์ 6 ระยะ
ระยะสับสน มีความสับสนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกเสียใจ กังวนกับผลของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขาดสมาธิ
ระยะคิดวนซ้ำ มีการคิดวนซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับองค์กร
ระยะเริ่มฟื้นความเข้มเเข็ง มีความกังวลเกี่ยวกับมุมมองของคนอื่นต่อตนเองทั้งเพื่อนร่วมงาน ญาติ และผู้ป่วย กลัวผู้ร่วมงานไม่ไว้ใจคุณภาพของงานที่ทำ
ระยะอดทนกับการสอบสวน กังวลกับการสืบส่วน ผลที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเอง ต้องการการประคับประคองจากผู้ร่วมงาน ไม่กล่าวโทษไม่หาคนผิด
ระยะแสวงหาความช่วยเหลือ ขอคำปรึกษาในการทำงานต่อ หรือช่องทางการแก้ไขปัญาเพิ่มเติม
ระยะตัดสินใจ มี 3 ทางเลือก คือ ออกจากวิชาชีพ ทนทำต่อแต่ไม่ลืมความผิดพลาด และสุดท้ายคือเป้าหมายของการดูแล second victim ซึ่งทำให้บุคลากรสามารถดำเนินชีวิตปกติและทำงานในวิชาชีพต่อไปได้ ด้วยความมั่นใจผลักดันและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา สร้างระบบที่ปลอดภัยสำหรับผู้รับบริการ
กระบวนช่วยเหลือที่สำคัญคือ
เพื่อนร่วมงานที่ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทันที ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่เป็นบวก
บุคลากรที่ได้รับการอบรมเฉพาะ มาให้ข้อมูล รับฟัง...
HA National Forum 24
Empowering Clinical Excellence Through Evidence-based Practices
Quality Learning -
การส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยด้านยา คือ การทำให้ใบสั่งยามีความปลอดภัย โดย empower ให้มีการสั่งใช้ยาตาม evidence-based practice มีการใช้หลักฐานทางวิชาการประกอบการตัดสินใจ หรือการสั่งใช้ยาตาม guideline
งานวิจัยที่กล่าวถึงการสั่งใช้ยาของแพทย์แบบ การใช้ยาแบบนอกข้อบ่งใช้ (off-label) ในผู้ป่วยเด็กที่เป็นไมเกรน พบมีการสั่งใช้ยา ร้อยละ 66.7 และ ในกลุ่มที่สั่งใช้ยา พบเป็นการสั่งใช้ยาแบบ off-label use ร้อยละ 60.34 เมื่อวิเคราะห์ถึงผู้สั่งใช้ยา แบบ off-label พบว่า แพทย์เฉพาะทางมีการสั่งใช้ยาแบบ off-label น้อยกว่า general physician ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยที่ศึกษาความคิดเห็นในการสั่งใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ของสูตินรีแพทย์ พบว่า specialist มีการสั่งใช้ยาที่แตกต่างกัน งานวิจัยทั้ง 2 ชิ้น เป็นเพียงตัวอย่างที่นำมาแสดงให้เห็นว่าการสั่งใช้ยาของแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือแพทย์ทั่วไป ไม่ได้นำ evidence base มาประกอบการตัดสินใจสั่งใช้ยา หรือ ใช้ evidence base ไม่ถูกต้อง จึงควรหาวิธีการที่จะทำให้ผู้สั่งใช้ยามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ evidence-based medicine...
ความหมายของ Empathy อาจแปลได้ตรงกับคำขวัญของบุคลากรสาธารณสุขไทย “อตฺตานํ อุปมํ กเร” ซึ่งหมายถึง เอาใจเขามาใส่ใจเรา และสอดคล้องกับพระราโชวาทของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (พระราชบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของประเทศไทย) ที่กล่าวว่า "ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นหมอเท่านั้น แต่ฉันต้องการให้เธอเป็นมนุษย์ด้วย" empathy เป็นคุณสมบัติที่มีในมนุษย์เท่านั้น
เรื่อง empathy สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะหมออาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งต่อการมี empathy ของแพทย์ ได้แก่
ชนชั้นภายใต้โครงสร้างสังคมไทย หมอ และทันตแพทย์ อยู่ในระดับชนชั้นมั่นคง (stability) และ ชนชั้นมั่นคงอย่างยั่งยืน (stability+)
ความเหลื่อมล้ำของระบบประกันสุขภาพ เป็นตัวกำหนดการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้ป่วยและบุคลการทางการแพทย์
ลัทธิบูชาหมอ ที่มีสืบเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สร้าง identity ให้กับวิชาชีพหมอ ที่ไม่พบในวิชาชีพอื่น และหมอมักอยู่ในวงการสำคัญของประเทศ เช่นแวดวงการเมือง การศึกษา เป็นต้น
Medical gaslighting ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ ภาวะที่แพทย์ตัดสินผู้ป่วยที่อาจนำไปสู่การประเมินสถานการณ์ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง การละเลยขั้นตอนที่พึงกระทำรวมถึงการวินิจฉัยที่ผิดพลาดได้ หมอจะคิดว่าผู้ป่วยกังวลไปเอง คิดมากเกินไป โดยไม่ตอบสนองกับความกังวลของผู้ป่วย และเพิกเฉยกับอาการที่ผู้ป่วยบอกเล่าให้ฟัง อาจหมายความไปถึงการขาด empathy ต่อผู้ป่วย
...