Best Practices for Implementing PDPA in the Healthcare: แนวทางปฏิบัติที่ดีในการใช้ PDPA ในระบบสุขภาพ

0
9
Best Practices for Implementing PDPA in the Healthcare: แนวทางปฏิบัติที่ดีในการใช้ PDPA ในระบบสุขภาพ

PDPA ไม่ใช่เรื่องของข้อจำกัด แต่คือแนวทางสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนในระบบสุขภาพ

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจากการนำ PDPA ไปปฏิบัติในโรงพยาบาล ทำให้เกิดข้อสงสัยจำนวนมาก โดยมีตัวอย่างคำถามที่พบบ่อยจากการนำ PDPA ไปปฏิบัติในโรงพยาบาล

การขอข้อมูลของโรงพยาบาล ตัวอย่างสถานการณ์ อำเภอ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขอข้อมูลผู้พิการ เพื่อนำไปทำบ้านให้ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลทั้งทางตรง เช่น รหัสประจำตัวประชาชน รหัสประจำตัวผู้ป่วย (Hospital Number: HN) หรือทางอ้อมที่ทำให้ระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวมีข้อพิจารณาคือ เป้าหมายของการใช้งาน/กิจกรรมการประมวลผลที่ชัดเจน ซึ่งผู้เกี่ยวข้องได้แก่ เจ้าของข้อมูล ผู้ควบคุม (โรงพยาบาล), ผู้ประมวลผลข้อมูล (ผู้ที่ได้รับมอบหมายหรือทำตามคำสั่ง/เห็นชอบจากผู้ควบคุมข้อมูล)

ในกรณีดังกล่าว เป็นการรับส่งข้อมูลความพิการซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวตาม PDPA มาตรา 26 ระหว่างผู้ควบคุมข้อมูล (โรงพยาบาลที่ใช้ข้อมูล) ในฐานะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูล และผู้ควบคุมข้อมูลข้อมูล (อำเภอ, อปท.) ในฐานะผู้รวบรวมข้อมูล มีประเด็นพิจารณาในเบื้องต้น คือ 1) ใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือชีวิต โดยผู้พิการนั้นไม่สามารถให้ความยินยอมด้วยตนเอง 2) มีความพิการและจำเป็นต้องได้รับการดูแลที่บ้าน 3) การให้บริการทางการแพทย์การให้บริการทางสังคมสงเคราะห์  4) การใช้ข้อมูลเพื่อให้ดำเนินการคุ้มครองทางสังคม

ตัวอย่างสถานการณ์ เจ้าหน้าที่สัสดี ขอประวัติการดูแลรักษากรณีมีผู้กระทำผิดฐานหนีทหารตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 44 กรณีดังกล่าว หากผู้ขอข้อมูลดำเนินการขอข้อมูลทั่วไปประวัติการรักษากับโรงพยาบาลเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินคดีอาญา ซึ่งได้รับการยกเว้นตาม PDPA มาตรา 4(2) และมาตรา 4(5) ในฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย โรงพยาบาลสามารถเปิดเผยข้อมูลได้โดยพิจารณาความเหมาะสมและเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงการเปิดเผยข้อมูล พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 7

ตัวอย่างสถานการณ์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ออกนอกระบบของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยังสามารถส่งข้อมูลกันได้อยู่หรือไม่ กรณีดังกล่าวเป็นการส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องปฏิบัติตามกรอบของ PDPA ซึ่งโรงพยาบาลผู้เปิดเผยข้อมูลอยู่ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในฐานะผู้ควบคุมข้อมูล หากเป็นการดำเนินการเพื่อการดูแลสุขภาพต่อเนื่องตามบริบทของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ดำเนินการดูแลสุขภาพปฐมภูมิ สามารถดำเนินการได้ภายใต้ข้อยกเว้นตาม PDPA มาตรา 26(5)(ก) โดยคำนึงถึงความจำเป็นและการรักษาความลับของผู้ป่วย/ผู้รับบริการ

การส่งต่อข้อมูลทาง Line หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ

ตัวอย่างสถานการณ์ การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีฉุกเฉิน/ไม่ฉุกเฉินการส่งข้อมูลผู้ป่วย/ผู้รับบริการภายในโรงพยาบาลเดียวกัน จะต้องคำนึงข้อปฏิบัติเพื่อการรักษาความลับของข้อมูล และความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูล ในกรณีดังกล่าว หากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Line ถูกกำหนดให้เป็นแนวทางการปฏิบัติปกติภายในโรงพยาบาล สามารถดำเนินการได้ และสามารถแจ้งผู้ป่วย/ผู้รับบริการให้ทราบว่าอาจมีใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการส่งปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษา โดยผู้เปิดเผยและผู้ขอรับข้อมูลมีหน้าที่ในการปฏิบัติตาม PDPA มีความมั่นคงปลอดภัย และเปิดเผยข้อมูลและผู้เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น

การส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล กรณีดังกล่าว หากจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชัน Line จะต้องดำเนินการในลักษณะการสื่อสารระหว่างโรงพยาบาลที่ส่งต่อและโรงพยาบาลที่รับส่งต่อเท่านั้น หากเป็นการส่งต่อข้อมูลใน Line กลุ่ม ไม่สามารถปฏิบัติได้เนื่องจากขัดแย้งกับ PDPA ภายใต้หลักการส่งต่อข้อมูลเท่าที่จำเป็นและผู้เกี่ยวข้องที่จำเป็น

การเก็บข้อมูลของโรงพยาบาล ตัวอย่างสถานการณ์ มีผู้ป่วย/ผู้รับบริการขอให้แก้ไขข้อมูลการเข้ารับบริการของตนเอง กรณีดังกล่าว ให้พิจารณาตาม PDPA โดยหลักสำคัญคือ ผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้อง เมื่อเป็นการแก้ไขข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามความถูกต้อง สามารถดำเนินการแก้ไขได้ โดยมีการจัดทำบันทึกรายละเอียดการแก้ไขทุกครั้ง หากการแก้ไขไม่สามารถทำได้ ให้โรงพยาบาลปฏิเสธการแก้ไข โดยมีการบันทึกเหตุผลของการปฏิเสธทุกครั้ง

ตัวอย่างสถานการณ์ มีผู้ป่วย/ผู้รับบริการขอให้ลบภาพในกล้องวงจรปิดที่มีภาพของตนเอง ตาม PDPA มาตรา 33 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย โดยโรงพยาบาลควรพิจารณาว่าสามารถยินยอมให้ลบหรือจำเป็นต้องคัดค้านตาม PDPA มาตรา 32

ตัวอย่างสถานการณ์ เก็บข้อมูลไว้บนระบบ Cloud เช่น Google Drive, Dropbox, Microsoft Onedrive หรืออีเมล มีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร และในกรณีบุคลากรที่ไม่ได้ปฏิบัติงานแล้ว เช่น ลาออก จะมีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร

กรณีการเก็บข้อมูล หากเป็นผู้ให้บริการตามมาตรฐานชัดเจน สามารถดำเนินการจัดเก็บได้ โดยโรงพยาบาลมีหน้าที่กำหนดนโยบาย/ระเบียบ/มาตรการ/แนวทางการจัดเก็บ เปิดเผย หรือกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลตามความเหมาะสมและเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่บุคลากรไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลแล้ว เช่น ลาออก โรงพยาบาลควรต้องมีกระบวนการทบทวนสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล รวมถึงมีระบบ/กระบวนการที่ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บหรือเปิดเผยโดยบุคลากรดังกล่าวจะไม่ถูกเปิดเผยหรือเข้าถึงโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นหรือขัดแย้งกับ PDPA

การศึกษาและทำความเข้าใจพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ทำให้สามารถนำไปปฏิบัติในโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมตามกฎหมาย อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดีและปกป้องสิทธิของทั้งผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่

แหล่งอ้างอิงข้อมูล
– พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562: https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/069/T_0052.PDF
– ข้อหารือตามกฎหมาย PDPA: https://www.pdpc.or.th/consultation/

ผู้ถอดบทเรียน นายสุทธิพงศ์ คงชุม
งานพัฒนาคุณภาพการบริการ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

ครีเอทีฟคอมมอนส์
งานนี้ใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มาไม่ใช้เพื่อการค้า ไม่คัดแปลง

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here