วันอาทิตย์, กันยายน 14, 2025
Conceptual Framework for Change: Driver Diagram
Conceptual Framework for Change: Driver Diagram “นักยุทธศาสตร์ชั้นดีจะไม่เกาะติดคิดแต่เรื่องที่เราทำได้เท่านั้น แต่จะคิดถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำด้วย สิ่งนี้จะเป็นขุมทรัพย์ของการพัฒนาระบบงาน โดยไม่จนตรอกหรือติดกับกับข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่” (นพ.อนุวัฒน์  ศุภชุติกุล)  Driver Diagram คือ แผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยจำแนกเป็นลำดับชั้นจากปัจจัยขับเคลื่อนไปสู่แนวคิดการปรับเปลี่ยน เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทีมสามารถแปลงสิ่งที่เป็นนามธรรม หรือเป้าหมายที่ทีมต้องการ สู่การกำหนดวิธีปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  ทำให้ทีมเห็นภาพการเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายและการปฏิบัติ สื่อสารให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปสู่การปฏิบัติจนเกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน Session นี้ จึงเป็นการเรียนแบบมีส่วนร่วม (Participation Learning) เพื่อทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน และคุณค่าของเครื่องมือ Driver Diagram รวมทั้งเรียนรู้วิธีการประยุกต์ใช้ Driver Diagram ขับเคลื่อน กลยุทธ์ (strategy) และพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยตามกลุ่มโรคสำคัญของทีมนำทางคลินิกอย่างเป็นรูปธรรม สามารถติดตามผลลัพธ์ของการพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายในแต่ละขั้นตอนได้ทั้งระบบ นำมาสู่การเปลี่ยนแปลง (Change) ระบบบริการด้วยความร่วมมือ (Collaboration) ของสหสาขาวิชาชีพ/ทีมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน (Sustainability) ต่อไป คุณค่าหรือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำ Driver Diagram คือ                 ...
Change agent: Quality and Safety Research
Change agent: Quality and Safety Research “งานพัฒนาคุณภาพโดยตัวเองก็เป็นวิจัยในระดับหนึ่ง ถ้าเราใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาคุณภาพก็จะกลายเป็นงานวิจัย แต่ต้องพิถีพิถันในการตั้งคำถามและวิธีการ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราได้มาเป็นของจริง ไม่ได้เกิดจากความลำเอียง” รศ.ดร.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ คุณภาพและความปลอดภัย เป็นผลลัพธ์ที่สำคัญของการดูแลผู้ป่วย สิ่งหนึ่งที่พัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยได้ คือ องค์ความรู้ ซึ่งวิธีการในการสร้างองค์ความรู้ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การวิจัย หัวข้อนี้นำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยใน 3 มุมมอง ได้แก่ มุมมองภาพกว้างของการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพที่นานาชาติให้ความสนใจ มุมมองและทิศทางการพัฒนางานวิจัยเชิงระบบเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยที่ สวรส. ให้ความสำคัญ และการใช้วิจัยในการพัฒนาคุณภาพในด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย (Patient safety) รศ.ดร.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ การพัฒนาคุณภาพหากมีการทบทวน ศึกษาข้อมูล ติดตามอย่างเป็นระบบ จะทำให้ได้คำตอบที่เป็นองค์ความรู้ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพัฒนางานอีกมาก ซึ่งประเทศไทยยังต้องการข้อมูลอีกมากว่าเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ (AE) มาจากไหน, มากน้อยเพียงใด, เกิดผลอะไรบ้าง, ส่งผลอย่างไรต่อการใช้ทรัพยากรและค่าใช้จ่ายและการป้องกันให้ได้ผลและคุ้มค่า ควรใช้วิธีการอะไร ยกตัวอย่างการวิจัยเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่ารักษาโดยการใช้กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) พบว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้นในโรงพยาบาล จะทำให้ต้นทุนในการรักษาเพิ่มขึ้น 50% คือ จากเดิมรายละประมาณ 8,000 บาทเป็น 12,000 บาท ซึ่งต่อให้ได้จำนวนวันนอนที่เพิ่มขึ้น จากการคำนวณ DRG ก็ไม่คุ้มค่า หรือในต่างประเทศ...
ร้อยใจรวมพล ด้วยกลศิลป์ แต้มสีสันแห่งชีวิตให้ระบบสุขภาพ
ร้อยใจรวมพล ด้วยกลศิลป์ แต้มสีสันแห่งชีวิตให้ระบบสุขภาพ “ถ้าเราจะเปลี่ยนแปงอะไรบางอย่าง แล้วเราต้องสู้กับระบบเราต้องอดทน เพื่อเกิดดอก เกิดผลอะไรบางอย่างที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม เห็นผลงานเชิงประจักษ์จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้”(พว.ศิริพร พรหมวงศ์) บทเรียนจากปฏิบัติการดูแลคุณภาพชีวิต โดยใช้คนในพื้นที่เป็นศูนย์กลางด้วยพลังขับเคลื่อนของคนตัวเล็กที่ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงจากชายขอบที่สร้างแรงบันดาลใจให้ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง ร่วมมือร่วมใจกับพื้นที่ผู้เป็นเจ้าของสุขภาพ สู่สุขภาวะที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง พว.ศิริพร พรหมวงศ์                                                                                               ...
เยี่ยมแบบกัลยาณมิตร ก้าวผ่านเช็คลิสต์สู่การเสริมพลัง
เยี่ยมแบบกัลยาณมิตร ก้าวผ่านเช็คลิสต์สู่การเสริมพลัง ศ.ดร.เสรี วงศ์พิศ กล่าวขณะที่มาเยี่ยมว่า “สิ่งที่หมอทำเป็นกระบวนทัศน์สุขภาพใหม่ เดิมเราเอาวิทยาศาสตร์เป็นศูนย์กลางในจักรวาล แต่ปัจจุบันต้องนำภูมิรู้ของชาวบ้านมาช่วยด้วย เนื่องจากความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในวิทยาศาสตร์อย่างเดียว” การเยี่ยมของ ศ.ดร.เสรี ครั้งนั้น เป็นการเยี่ยมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างมากที่สุด การเยี่ยม มีพลังในการเปลี่ยนแปลงคน เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อตัวผู้ถูกเยี่ยม เปลี่ยนความเข้าใจที่คิดเพียงว่าเป็นแค่ความสนใจส่วนตัว เปลี่ยนเป็นความรู้อันยิ่งใหญ่กอบกู้ฟื้นฟูภูมิปัญญาชาวบ้าน ความหมายของงานในชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข การปล่อยให้โรงพยาบาลหรือสถานบริการทำงานโดยใช้ปัจจัยภายในขององค์กรเพียงอย่างเดียว องค์กรจะไม่มีการพัฒนา จำเป็นต้องมีคนภายนอกเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ เข้ามาเยี่ยมสำรวจ มาให้คำแนะนำ ช่วยสนับสนุน การพัฒนาองค์กรบนเส้นทางคุณภาพจึงจะมีความอย่างยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันมีความคิดที่จะมีการเปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้เยี่ยมสำรวจ จะเปลี่ยนเป็นแบบใด แบบเดิมเป็นอย่างไร จะเห็นจุดอ่อนแบบเดิมได้ชัดขนาดไหน พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมไปสู่แบบใหม่ได้อย่างไร ติดตามต่อไปใน Session นี้ ดร.นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ เล่าประสบการณ์ การเยี่ยมเสริมพลัง ที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต โดยเล่าถึง เมื่อครั้งที่จบเป็นแพทย์ฝึกหัดทำงานที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ปฏิบัติงานตรวจรักษา ด้านการควบคุมโรค การส่งเสริมสุขภาพฯลฯ ซึ่งสมัยนั้นงานสาธารณสุขมูลฐานเป็นนโยบายหลักของกระทรวง ในขณะที่ตรวจรักษาผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลก็เกิดความสงสัยว่า กรณีชาวบ้านที่ป่วย แต่ไม่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล มีการดูแลรักษาตัวเองที่บ้านอย่างไร ท่านได้ไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วยกับทีมสุขภาพ และได้พบว่าภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ได้เขียนบทความการแพทย์พื้นบ้านกับภูมิปัญญาชาวบ้านและลงตีพิมพ์ในวารสารต่างๆ ซึ่งในสมัยนั้นคำวา ภูมิปัญญาชาวบ้าน ยังไม่เคยมีลงในบทความ ณ ช่วงเวลานั้น และได้รับเชิญไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยาย ได้รับการเยี่ยมดูงาน จากสถาบันต่างๆ และมีการตรวจเยี่ยมจากสาธารณสุขนิเทศ...
เคล็ดลับคุณภาพวันนี้ชวนมาเรียนรู้ คุณภาพของบริการสุขภาพในประเทศไทยมีพัฒนาการมาโดยลำดับตามกระแสโลกาภิวัตน์ โดยเมื่อย้อนหลังไปราวห้าสิบปี    คุณภาพของบริการสุขภาพตั้งอยู่บนฐานของความเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถเฉพาะตนของแพทย์ และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้ได้ประกอบกันเป็นคุณภาพและความน่าไว้วางใจของบริการสุขภาพ Quality 1.0 Process compliance ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2525 ประเทศไทยมีพัฒนาการทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการและความคาดหวังในบริการสุขภาพถูกยกระดับขึ้นอย่างมาก โรงพยาบาลจึงต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อปรับบริการของโรงพยาบาลให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในสังคม แนวคิดสำคัญที่นำมาพัฒนาคุณภาพของสถานพยาบาลในยุค 1.0 เป็นแนวคิดที่ประยุกต์มาจากต่างประเทศ คือ คุณภาพไม่ใช่เรื่องของวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นเรื่องที่ทีมงานที่ทำหน้าที่รักษาพยาบาลต้องมาพัฒนาร่วมกัน และพึงมีมาตรฐานกลางที่สะท้อนกระบวนการที่สถานพยาบาลต้องปฏิบัติเพื่อนำไปสู่คุณภาพที่พึงประสงค์ ซึ่งในปี 2527 กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มมีการประเมินขีดความสามารถของโรงพยาบาลในระดับต่างๆ ทั้งในด้านการบริหาร บริการ และวิชาการ ภายใต้โครงการ “ติดดาวโรงพยาบาล” และพัฒนาต่อมาเป็น “การพัฒนาระบบบริการของสถานบริการและหน่วยงานสาธารณสุขในส่วนภูมิภาค (พบส.)” , “มาตรฐานสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคม” จนในที่สุด ได้ก่อกำเนิดเป็น สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (พรพ.) ซึ่งได้มีการจัดทำมาตรฐานโรงพยาบาลฉบับปีกาญจนาภิเษกขึ้นในปี 2539 ลักษณะสำคัญของ Quality 1.0 คือ คุณภาพขยับจากการให้ความสำคัญที่ความรู้ความสามารถและพฤติกรรมบริการของปัจเจกชน (คือ แพทย์/ พยาบาล แต่ละท่าน) ไปสู่คุณภาพของกระบวนการทำงานขององค์กรที่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยผู้ที่กำหนดมาตรฐานคือผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขา Photo by Jesse Bowser on Unsplash
มาตรฐานสำคัญจำเป็นต่อความปลอดภัย
เคล็ดลับงานคุณภาพ วันนี้ ชวนมาเรียนรู้เรื่อง  มาตรฐานสำคัญจำเป็นต่อความปลอดภัย  ตามระเบียบคณะกรรมการบริหารสถาบันว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินการพัฒนาและรับรองคุณภาพสถานพยาบาล พ.ศ. 2562 ที่ได้มีการกำหนดเกณฑ์การรับรองกระบวนการคุณภาพไว้ ดังนี้ สถานพยาบาลที่จะผ่านขั้นที่สาม ต้องได้คะแนนในแต่ละบทของตอนที่ I-IV ไม่น้อยกว่า 2.50 จากคะแนนเต็ม 5.00 และผ่านมาตรฐานสำคัญจำเป็นต่อความปลอดภัยทุกข้อ สถานพยาบาลที่จะผ่านการรับรองขั้นก้าวหน้าต้องได้คะแนนในแต่ละบทของมาตรฐานตอนที่ I-III ไม่น้อยกว่า 3.00, ตอนที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00, ยกเว้นบทที่ II-8 และ II-9 คะแนนต้องไม่ต่ำกว่า 2.50, คะแนนเฉลี่ยโดยรวมไม่น้อยกว่า 3.00 และผ่านมาตรฐานสำคัญจำเป็นต่อความปลอดภัยทุกข้อ สถาบันจึงมีประกาศคณะกรรมการสถาบันฯ เรื่องมาตรฐานสำคัญจำเป็นต่อความปลอดภัย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับสถานพยาบาลในการนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผลในการบังคับใช้ในการปฏิบัติ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 ไว้ดังนี้
Learning from Mistake & Root Cause Analysis and Action
Learning from Mistake & Root Cause Analysis and Action “ในการค้นหา Root Cause ต้องไม่ระบุไปที่ตัวบุคคล แต่ให้มองเชิงระบบโดยไม่ไปกระทบตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง การป้องกันสาเหตุที่เกิดจาก Human Error ทำได้โดยการออกแบบกระบวนการที่ช่วยลดความผิดพลาดจากปัจจัยด้านมนุษย์ หรือใช้วิธีการโค้ชเพื่อป้องกันการฝ่าฝืนหรือละเมิด” นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล Learning from Mistake & Root Cause Analysis and Action (RCA2) เป็นการเรียนรู้เทคนิคในการทบทวนอุบัติการณ์ และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ด้วยการทำ Root Cause Analysis (RCA) ป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดซ้ำ ด้วยเทคนิคการทำ RCA 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้น 0 การมอบหมายทีมวิเคราะห์ RCA (RCA facilitator) ขั้น 1 เรียงร้อยเรื่องราว (map story and timeline) ขั้น 2 หาจุดเปลี่ยน (unsafe...
R2R Learn Unlearn & Relearn ขยับเพื่ออนาคต ลดวิกฤติองค์กร
R2R Learn Unlearn & Relearn ขยับเพื่ออนาคต ลดวิกฤติองค์กร “ความเป็นไปได้ใหม่ๆ เริ่มจากการทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม” (ธนาคารกสิกรไทยจำกัดมหาชน) อ.นพ.อัครินทร์ นิมมานนิตย์                                                                                                   ...
ทีมหมอจะเปลี่ยน สุข (ภาพ) ชุมชนสร้างได้ ผ่านกลไก R2R
ทีมหมอจะเปลี่ยน สุข (ภาพ) ชุมชนสร้างได้ผ่านกลไก R2R “เปลี่ยนจากทางตันส่วนบุคคล เป็นทางออกโดยเครือข่ายชุมชน”                                                                                               (นพ.สิริชัย นามทรรศนีย์) ตัวอย่างของ R2R ที่น่าสนใจ ของโรงพยาบาลชุมชน ผ่านการเล่าเรื่องที่ทำให้เห็นวิธีการนำ R2R...
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. ร่วมมือกับ Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) ซึ่งปฏิบัติงานในนามของกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) และหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ บริษัทบี. บราวน์ เป็นซึ่งเป็นความร่วมมือในลักษณะ Public-Private-Particpation (PPP) จัดทำโครงการ “Improving Occupational Safety and Health of Healthcare Workers in Public Hospitals in Thailand on Senior Hospital Management Training” โดยมีเป้าหมายร่วมกันในพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่อง Personnel Safety ซึ่งสอดคล้องกับ นโยบาย 2P Safety ของประเทศไทย มีรพ.ที่เข้าร่วมทั้งสิ้น 17 แห่ง เป็น โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย 6  แห่ง และโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไป อีก 11 แห่ง ที่ต้องการพัฒนาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับ Personnel...
- Advertisement -

MOST POPULAR

HOT NEWS