ปรับ Mindset ทำได้ ทำเป็น ทำต่อ
เรามี 2 มือเท่ากัน 2 ขาเท่ากัน 1สมองเท่ากัน
ใครทำได้ เราก็ทำได้เช่นกัน
การใช้ข้อมูลในการจัดการยา (Data-Driven Medication Management เป็นวิธีที่สำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยและยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน โดยการใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลาช่วยลดข้อผิดพลาดในการให้ยา ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และปรับกระบวนการต่างๆ ให้เหมาะสมกับการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ การนำข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจทำให้ลดข้อผิดพลาดจากกระบวนการที่ไม่เหมาะสมหรือช้าเกินไป อีกทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้บริหารและบุคลากรทางการแพทย์สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เช่น บัญชียาโรงพยาบาลที่เหมาะสมกับบริบท
- การลด Medication error/Adverse drug event
- การสำรองยาให้เหมาะสม
- ปัญหาคนไข้ได้รับยาล่าช้า
- ลดการทำงานซ้ำซ้อน
การเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยา (Data-Driven Decision-Making: Enhancing Medication Safety) การใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ (Data-Driven Decision-Making) เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณภาพ ลดข้อผิดพลาด และเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับระบบการบริหารยา โดยเฉพาะในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์
ซึ่งได้มีการพัฒนาและปรับปรุงระบบด้วยการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุน
- การใช้ข้อมูลในการจัดการยา การวิเคราะห์ข้อมูล: การนำข้อมูลมาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการ เช่น การจัดสรรยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ลดความล่าช้า และลดความผิดพลาดในการบริหารยา การติดตามผล: ใช้ตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลลัพธ์ในการให้ยา เพื่อให้การบริหารยาเป็นไปตามมาตรฐานและสามารถตอบสนองความต้องการของ
ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การปรับปรุงกระบวนการและการบริหารจัดการ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้นำกรอบความคิด Balanced Scorecard (BSC) มาใช้ ซึ่งประกอบด้วย 4 มิติหลักเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
– มิติลูกค้า (Customer): การเพิ่มประสบการณ์และความพึงพอใจของผู้ป่วย
– มิติการเงิน (Financial): การจัดการการเงินที่มีประสิทธิภาพ
– มิติการเรียนรู้และการเติบโต (Learning & Growth): การพัฒนาบุคลากรและการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในองค์กร
– มิติกระบวนการภายใน (Internal Processes): การปรับปรุงกระบวนการภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- การจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพ
การควบคุมต้นทุน: ลดต้นทุนจากการใช้ยาเกินความจำเป็น และป้องกันการสูญเสียจากยาหมดอายุ
การใช้เทคโนโลยี: ใช้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมืออัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารยา
- การพัฒนาบุคลากรและการจัดการเปลี่ยนแปลง การฝึกอบรมบุคลากรให้สามารถใช้ระบบบริหารยาและเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง โรงพยาบาลได้นำ Kotter’s 8-Step Change Model
มาใช้เพื่อบริหารการเปลี่ยนแปลงในองค์กร โดยมีขั้นตอนสำคัญ เช่น สร้างความเร่งด่วน (Creating Urgency) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงระบบ กำหนดวิสัยทัศน์ (Creating a Vision for Change) และสื่อสารให้บุคลากรเข้าใจ ดำเนินการเปลี่ยนแปลง (Implementing Change) โดยสร้างความร่วมมือและให้พนักงาน
มีส่วนร่วม ทำให้เกิดความยั่งยืน (Making it Stick) เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร
- ผลลัพธ์จากการปรับปรุงลดความล่าช้าในการให้ยา โดยเฉพาะกับผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เพิ่มความแม่นยำในการบริหารยา ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ พัฒนาแนวทางในการบริหารจัดการสต็อกยาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์มุ่งเน้นที่จะพัฒนาวิธีการใช้ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น – การเพิ่มความแม่นยำ
ในการติดตามการใช้ยาเพิ่มการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล – การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากร ปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย – การใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในระบบบริหารยา ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดข้อผิดพลาด และเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับโรงพยาบาล การพัฒนาเทคโนโลยีและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยดีขึ้น
ลดความล่าช้า และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขในระยะยาว
“Building Quality and Safety Culture for the Future Sustainability” – การสร้างวัฒนธรรมคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อความยั่งยืนในอนาคต
การนำระบบการจัดการยาโดยใช้ข้อมูล (Data-Driven Medication Management) และความปลอดภัยในการใช้ยาในโรงพยาบาลชลบุรี โดยมุ่งเน้นที่การปรับปรุงกระบวนการ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย ดังนี้
- การจัดการยาโดยใช้ข้อมูล (Data-Driven Medication Management) การใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการจัดการยา โดยการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยลดข้อผิดพลาดและปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยา
การจัดการข้อมูลนำเข้า: การเก็บข้อมูลที่ถูกต้องและได้รับการตรวจสอบเพื่อให้ข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจมีความถูกต้อง
การออกแบบกระบวนการ: ใช้วงจร PDCA (Plan-Do-Check-Act) ในการปรับปรุงกระบวนการจัดการยา
- ปัญหาที่พบ
การจัดการสต็อกยา: ปัญหาทั่วไป ได้แก่ การขาดแคลนยา การเบิกยานอกช่วงรอบ การมีสินค้าคงคลังที่
เสียหรือหมดอายุ
ความล่าช้าในการจัดส่งยา: ยาไม่ได้รับการจัดส่งภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะยาที่ต้องการด่วน
(Stat drugs)
- การใช้ข้อมูลในการแก้ไขปัญหา
การใช้ข้อมูลเรียลไทม์: การตรวจสอบยาคงเหลือและการป้องกันไม่ให้ยาหมดภายในสองวัน
ระบบ Barcode Medication Administration (BCMA): ระบบนี้ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดการยาและเพิ่มความถูกต้องในการจ่ายยา ลดข้อผิดพลาดในการพิมพ์ใบสั่งยาและการจ่ายยาผิดได้ถึง 71%
- การปรับปรุงการจัดการกระบวนการ
การปรับปรุงสต็อกยา: ลดมูลค่าสต็อกยาได้ 20 ล้านบาท ปรับกระบวนการจาก 23 ขั้นตอนเหลือ 7 ขั้นตอน และลดข้อผิดพลาดในการจ่ายยาได้จาก 102 รายการต่อเดือนเหลือ 1-2 รายการต่อเดือน
การใช้ระบบ CPOE: ช่วยให้การจ่ายยาที่ต้องการด่วน (Stat drugs) เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยสามารถทำได้ในเวลาที่กำหนด 30 นาที มากกว่า 80% ของการสั่งยา
- ความปลอดภัยในการใช้ยา
การจัดการยาต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง: การปรับเวลาการจัดส่งยาให้เหมาะสมและลดการให้ยาซ้ำซ้อน
การส่งมอบยา stat: โดยใช้ระบบ CPOE โรงพยาบาลสามารถให้ยาที่ต้องการเร่งด่วนแก่ผู้ป่วยได้ในเวลาที่กำหนด ซึ่งมากกว่า 80% ของการให้ยา stat จะเสร็จใน 30 นาที
- ความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมาย เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์, โดยเฉพาะพยาบาล, มีความต้องการให้การจ่ายยาเร็วขึ้น แม้ว่าอาจไม่ต้องตรงตามเวลา 30 นาทีเสมอไป โดยระบบการสั่งยาด่วนทำให้การจัดการยาเร็วขึ้น
- ผลลัพธ์
ลดเวลาการจัดส่งยา: เพิ่มประสิทธิภาพในการให้ยาแก่ผู้ป่วย โดยมีเปอร์เซ็นต์การให้ยาในเวลาที่กำหนดเพิ่มขึ้น
ลดข้อผิดพลาดในการบริหารยา: การใช้ระบบ Barcode และ BCMA ช่วยลดข้อผิดพลาดในการบริหารยาและพิมพ์เอกสารได้ถึง 40%
- เป้าหมายในอนาคต
การปรับปรุงการติดตามในเวลาจริง: การใช้ระบบที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทันที เพื่อลดเวลาการรอคอยและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยา
การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล: การใช้ข้อมูลจากระบบต่าง ๆ ช่วยให้การตัดสินใจในอนาคตดีขึ้นและทำให้กระบวนการในโรงพยาบาลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
การใช้ข้อมูลในการจัดการยาได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในโรงพยาบาลโดยการ
นำเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลมาปรับใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การสั่งยา การจ่ายยา และการติดตามผล ทำให้ลดข้อผิดพลาดในการบริหารยาและตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
การใช้ข้อมูลในการบริหารยาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยและปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้ถอดบทเรียน นางสาวปุณณ์ยวิภา ทวีโชคธนะพงศ์
พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน











































