วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
โรงพยาบาลสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย/ผู้รับงานอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ด้วยการนำ Game Changer, Growth Mindset รวมถึงแนวคิดการพัฒนา เช่น 3C-DALI มาใช้ร่วมกันอย่างมีคุณค่า การเป็น ENV Game Changer ด้วยแนวคิด "SMART" องค์กรใดที่อยากเป็น Game Changer สามารถใช้แนวคิด "SMART" ในการดำเนินการซึ่งประกอบด้วย S: SIMPLE (ง่าย) เริ่มต้นด้วยแนวคิดที่ไม่ซับซ้อน อาจทดลองในกลุ่มเล็กๆ จะทำให้สามารถติดตามและปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว ผลกระทบน้อยเมื่อล้มเหลว M: Meaningful (มีคุณค่า) ทั้งต่อกระบวนการหรือระบบ A: Actionable (ทำได้จริง) และขยายผลใช้ได้ในวงกว้าง R: Relational (สร้างความสัมพันธ์) คิดเชื่อมโยงกับระบบ/กระบวนการ/หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง T: Transformational (เปิดรับความเปลี่ยนแปลง) ด้วยมุมมองที่เปิดกว้างเพื่อรับทั้งความรู้ ความเห็น นำสู่พัฒนาด้วยความเชื่อว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ S: Scalable (มีความเป็นไปได้) สามารถนำไปใช้แล้วได้คาดว่าได้ผลดี เริ่มต้นเป็น Game Changer ด้วยการเข้าใจเป้าหมายของการจัดการสิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย/ผู้รับผลงาน การจัดการสิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย/ผู้รับผลงาน มีเป้าหมายเพื่อ ให้โรงพยาบาลมีสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่เอื้อต่อความปลอดภัยและความผาสุกของผู้ป่วย/ผู้รับผลงาน เจ้าหน้าที่ และผู้มาเยือน สร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่ในพื้นที่อาคารสถานที่จะปลอดภัยจากอัคคีภัย วัสดุและของเสียอันตราย หรือภาวะฉุกเฉินอื่นๆ มีเครื่องมือที่จำเป็น...
“…การรักษาพยาบาลแบบไทย ๆ มีความเอาใจใส่ มีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสดีขึ้นกว่าเดิมมาก ตั้งแต่มี HA มา…การดูแลด้วยใจ ถือเป็น soft power ที่เรามีของดีกว่าสากล การพัฒนาคุณภาพบริการของโรงพยาบาลที่สำคัญ คือ ความเป็นไทย…” “การกระจายคุณภาพ ความปลอดภัยไปทั่วประเทศไทยเป็นไปได้ โดยการพัฒนาโรงพยาบาลปฐมภูมิ ทุติยภูมิและตติยภูมิ ให้เป็น One Health…การพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตแนวปฏิรูป คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลา ผลิตแพทย์เพื่อกลับไปดูแลประชาชนในชุมชน ซึ่งต้องฝึกทั้งความเป็นผู้นำและศาสตร์ต่างๆ เป็นความหวังที่จะทำให้เกิดการแพทย์ที่ดูแลประชาชนและชุมชน สู่การเป็นระบบบริการสุขภาพที่ก้าวหน้า ด้วยกรอบความคิดที่ก้าวไกล” การพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล อดีต บทเรียน อนาคต การพัฒนาแลพรับรองคุณภาพโรงพยาบาล เริ่มมาจาก JCI ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ได้เริ่มนำมาพัฒนาในประเทศไทย ในปี 2540 สวรส.และ สสส. ได้ให้ทุนโครงการวิจัยกลไกส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ได้เชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาล 30 แห่ง มาทดลองกระบวนการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ต่อมาในปี 2542 ได้ก่อตั้งสถาบันพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล(พรพ.) เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนาและรับรองโรงพยาบาล โดยใช้ คุณธรรม คือความเมตตา ความมีน้ำใจ บุพการี ความรับผิดชอบต่อชีวิตและสุขภาวะสร้างให้เกิด คุณภาพ ได้แก่ เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ กระบวนการคุณภาพ และความเป็นจริง คือ...
Growth Mindset for Better Healthcare System
“เติบโต เรียนรู้ สร้างสรรค์ไปด้วยกันกับ Growth mindset” “ปัญหา อุปสรรค และการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่คู่มากับชีวิต สามารถพิชิตได้ด้วย Growth mindset” “มีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ สนุกกับทุกเรื่องที่ท้าทาย หาความหมายชีวิตจากอุปสรรคและปัญหา เชื่อเถอะว่า เราจะทำมันได้” “Growth mindset” กรอบความคิดแบบเติบโต มองว่าความฉลาดและพรสวรรค์เป็นคุณสมบัติที่สามารถพัฒนาได้เมื่อเวลาผ่านไปด้วยความพยายามและการกระทำล้มเหลวเป็นสิ่งชั่วคราวและเปลี่ยนแปลงได้ “Better healthcare system” ระบบสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าทุกคนสุขภาพดี ระบบบริการสุขภาพก็จะดี พร้อมจะเริ่มต้นที่ตัวเองใหม่ ให้เป็นคนสุขภาพดี โดยออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้แจ่มใส ดังคำกล่าวที่ว่า Better Health (Growth Mindset รายบุคคล) นำไปสู่ Better Health Care System (Growth Mindset กลุ่มบุคคล) ขั้นตอนของการเรียนรู้และพัฒนา Growth Mindset ประกอบด้วย Self-Assessment, Identification Value, Set Priority และ Take Action เรียนรู้ รู้จักและ เข้าใจ Growth Zone พื้นที่ของการเติบโต    ...
ภารกิจขยายขอบฟ้าเพื่อพัฒนาคุณภาพระบบบริการสุขภาพไทย      การพัฒนามาตรฐานสถานบริการสุขภาพแบบไทยๆ นั้นเริ่มต้นจากโครงการวิจัยกลไกส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลเป็นโครงการนำร่องในปี 2540 ด้วยความร่วมมือของ (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข)สวสร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส และ Joint Commission International (JCI) เริ่มต้นจาก 30 โรงพยาบาลที่ ผู้บริหารมี Growth mind set นำไปสู่การตั้ง สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ภายใต้การกำกับของ สวรส. และเปลี่ยนเป็น สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. เพื่อทำหน้าที่ ผู้ประเมินมาตรฐานบริการสุขภาพไทยอย่างเป็นอิสระ บทเรียนที่ต้องระวังของผู้ประเมิน คือ การรับรองคุณภาพควรเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพจึงจะเกิดการพัฒนาระบบบริการสุขภาพไทยให้มีคุณภาพอย่างเกื้อหนุนกัน มีแนวคิดของบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนในระบบสุขภาพเป็นเจ้าของร่วมกัน มีกระบวนการให้ความรู้ แลกเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหา ช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความเป็นกัลยาณมิตรใช้การให้อภัย ให้โอกาส ไม่ลงโทษ พร้อมด้วยการนำคติความเป็นไทยมาใช้ ได้แก่ ศรัทธาในวิชาชีพ มีเมตตากรุณา มีน้ำใจ บริการสุขภาพเป็นเสมือนบุพการี เห็นความสำคัญของการช่วยชีวิต ความรับผิดชอบต่อชีวิตและสุขภาวะของผู้ป่วย โดยใช้เกณฑ์มาตรฐาน และกระบวนการพัฒนา จากการมี National HA furum ที่การเลือกหัวข้อ ในการเรียนรู้ พัฒนาตนเอง และนำมาเสนอแลกเปลี่ยน...
     ในปัจจุบัน คำว่า Wellness มีปรากฏให้เห็นเคียงคู่กับคำว่า Health มากขึ้นเรื่อย ๆ บทความนี้จะพาผู้อ่านขึ้น Time Machine ไปสำรวจอนาคตสุขภาพแลสุขภาวะในอีก 10 ปีข้างหน้า รวมทั้งการสำรวจแง่มุมต่างๆ ของ Health and Wellness ให้ดียิ่งขึ้นผ่านมุมมองของนักอนาคตศาสตร์ นักธุรกิจ และแพทย์ Session 1 : Foresight and Futures of Health and Wellness in Thailand 2023 โดย วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ (ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอรเ์ทลส์ แล็บ)      ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศไทยเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุมากขึ้น มลพิษทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการเข้าถึงระบบริการสุขภาพ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามามีบทบาท เช่น Medical AI, Genetic Testings เป็นต้น โดยทีมวิจัยได้นำสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มาวิเคราะห์ร่วมกับ Megatrend ของโลก และปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ  เกิดเป็นภาพอนาคตที่ฉายออกมาเป็น...
Statistics on Burnout in Singapore:      A pre-pandemic survey in Singapore revealed concerning burnout rates among healthcare professionals, with  37.8% reporting emotional exhaustion,  29.7% experiencing depersonalization (detachment from patients), and  55.5% lacking personal accomplishment.       Combined, these scores translate to 43.9% of healthcare workers experiencing burnout. Post-pandemic surveys showed a slight decrease in emotional exhaustion but an increase in the lack of...
สถิติด้านภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) ของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศสิงคโปร์พบว่า 37.8% รายงานว่ารู้สึกหมดแรงทางอารมณ์ (emotional exhaustion) 29.7% ประสบภาวะไม่เห็นคุณค่าในผู้ป่วย และ/หรือความห่างเหินจากผู้ป่วย (depersonalization detachment from patients) 55.5% ขาดความรู้สึกประสบความสำเร็จส่วนบุคคล  43.9% ของบุคลากรทางการแพทย์ประสบภาวะหมดไฟในการทำงาน      ทั้งนี้พบว่าการสำรวจหลังการระบาดของโควิด  19 พบว่าอาการหมดแรงทางอารมณ์ลดลงเล็กน้อย แต่การขาดความรู้สึกประสบความสำเร็จส่วนบุคคลกลับเพิ่มสูงขึ้น ผลกระทบของภาวะหมดไฟในการทำงานต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย:      จากการศึกษาแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์กับประเด็นดังต่อไปนี้: ความผิดพลาดในการวินิจฉัยและกระบวนการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของแพทย์และพยาบาลลดลง คุณภาพการดูแลผู้ป่วยลดลง การให้ความสำคัญของความปลอดภัยทางจิตใจ       ผู้บรรยายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางจิตใจ ซึ่งช่วยให้บุคลากรกล้าพูดถึงข้อผิดพลาดโดยไม่ต้องกลัวการตำหนิ โดย SingHealth ใช้การแบ่งประเภทความปลอดภัยทางจิตใจดังนี้: ความปลอดภัยในการเป็นส่วนหนึ่งของทีม (Inclusion safety) – รู้สึกสบายใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีม ความปลอดภัยในการเรียนรู้ (Learner safety) – รู้สึกปลอดภัยในการถามคำถามและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ความปลอดภัยในการมีส่วนร่วม (Contributor safety) – รู้สึกปลอดภัยในการแบ่งปันความคิดและมีส่วนร่วม ความปลอดภัยในการท้าทาย (Challenge safety) – รู้สึกปลอดภัยในการท้าทายความคิดของผู้อื่น การรับมือกับพฤติกรรมไม่สุภาพและการละเมิด      ผู้บรรยายได้ชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ (หยาบคาย) และการละเมิดจากผู้ป่วยต่อบุคลากรทางการแพทย์โดย SingHealth...
     The Institute of Medicine ให้ความหมายของข้อผิดพลาดในการวินิจฉัยโรค (Diagnostic Error) ว่าเป็นการท่ีไม่สามารถอธิบายปัญหา สุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา หรือไม่สามารถสื่อสารคําอธิบายดังกล่าวให้แก่ผู้ป่วยได้ อาจแบ่ง diagnostic error ได้เป็น 3 ประเภท คือ Missed Diagnosis หมายถึง กรณีที่อาการของผู้ป่วยไม่ได้รับคําอธิบาย เช่น อาการอ่อนเพลียหรือเจ็บปวดเรื้อรัง หรือผู้ป่วยมีอาการชัดเจนแต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยโรค Wrong Diagnosis หมายถึง กรณีท่ีให้การวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง และมาพบสาเหตุท่ีแท้จริงภายหลัง Delayed Diagnosis หมายถึง กรณีที่ควรได้รับการวินิจฉัยโรคเร็วกว่าที่เป็น เช่น การวินิจฉัยโรคมะเร็ง      โดย Diagnostic Error ดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยงที่แฝงเร้น โดย อ.อนุวัฒน์ ได้เสนอแนวทางการพิจารณา Diagnostic Error เป็นคำที่จำได้ง่ายๆว่า “L M I C” ซึ่งย่อมาจาก L - literature review คือ...
     Stigma in healthcare settings, particularly against people living with HIV/AIDS, is a significant barrier to accessing quality care and achieving optimal health outcomes. Discrimination and prejudice from healthcare providers can discourage patients from seeking necessary treatment, adhering to medications, and engaging in preventive measures. In Southeast Asia, where the HIV epidemic remains a pressing issue, addressing stigma...
     การบรรยายวิชาการนี้เกี่ยวกับ framework ที่เรียกว่า QIS+D เพื่อจัดการกับความรู้สึกเป็นตราบาป (stigma) ของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ในสถานบริการสุขภาพ ทั้งนี้รายละเอียดของ framework นี้มีรายละเอียดประเด็นสำคัญในการประยุกต์ใช้ดังนี้ QIS+D Framework: QI (Quality Improvement): QI คือรากฐานของกรอบงาน โดยมุ่งเน้นการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องเพื่อระบุและแก้ไขปัญหา D (Disaggregation): ข้อมูลที่เก็บวิเคราะห์ต้องไม่ได้เป็นข้อมูลโดยรวม แต่ต้องแยกตามประชากรเฉพาะกลุ่ม ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ป่วยกลุ่มเฉพาะ เช่น ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี จะไม่ถูกปกปิดด้วยค่าเฉลี่ยโดยรวม S (Stigma Measurement): เพิ่มเติมจากกรอบมาตรการคุณภาพทั่วไป stigma measurement เป็นเครื่องมือเฉพาะในการประเมินความความรู้สึกเป็นตราบาปของผู้ป่วยได้แก่: Surveys for healthcare workers คือแบบสำรวจสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่ง แบบสำรวจเหล่านี้เป็นไปตามกรอบแนวคิดของของ Laura Knight-Blade โดยถามเกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมของบุคลากรต่อผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี Patient feedback ผู้ป่วยจะได้รับการสอบถามโดยตรงเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนผ่านแบบสำรวจ การสัมภาษณ์ หรือกล่องรับความคิดเห็น Health literacy data การประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับสภาวะของตน ซึ่งจะช่วยระบุถึงความรู้สึกเป็นตราบาปที่อาจถูกหล่อหลอมด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้   ความท้าทายต่อการนำ QIS + D Framework มาใช้:  Non-linear Measures : การวัดผลไม่สามารถสรุปได้ด้วยตัวเลขเพียงหนึ่งเดียว ต้องเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่รอบด้านต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และความตั้งใจของผู้นำไปใช้เป็นอย่างสูง Patient and...
- Advertisement -

MOST POPULAR

HOT NEWS