เคล็ดลับสะท้อนความสุข ให้หลุดจากความเครียด
https://youtu.be/KgCYXNRyH4k
หากพูดคำว่า “ความทุกข์, ความเครียด” คำสั้นๆ แต่ส่งผลทางจิตใจมหาศาล พอๆ กับคำว่า “ความสุข” บางครั้งเราอาจจะคุยกับใคร ต่อใครมากมายในแต่ละวัน ทั้งฟัง โต้ตอบ แต่หากลองถอยห่างออกมา คุณอาจ จะเห็นว่าเรา “ไม่เคยคุยกับตัวเองเลย”
เราจึงมีมุมมองความสุขของ ดร.นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท นักวิจัย สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ผู้ซึ่งเคยผ่านจุดที่ทุกข์ยากมาได้อย่างมหัศจรรย์ แต่ก้าวผ่านมาได้อย่างไรนั้น พบคำตอบได้ที่นี้
ในวันที่เคยทุกข์ที่สุด ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เพราะภรรยาป่วยหนักมากและในตอนที่มารู้ตัว ว่าตัวเองก็ป่วยหนักเหมือนกัน จนไม่รู้ว่าจะมีพรุ่งนี้ไหม หลายคนเข้ามาให้กำลังใจ และมักแนะนำว่า ให้เข้มแข็ง แต่จุดที่ทำให้ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ คือ ต้องใช้ความอดทน และการอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่ต้องเรียกร้องหรือบังคับให้ตัวเองต้องเข้มแข็ง อีกจุด ก็คือ การได้คุยกับตัวเอง ได้มีเวลาคุยกับตัวเองเพราะตลอดเวลาเราคุยกับคนอื่น คุยกับงาน แต่เราทุกคนกลับไม่เคยคุยกับตัวเองเลย การคุยกับตัวเองในรูปแบบของท่าน คือการเขียน การเขียนช่วยให้มองเห็นคำพูดของตัวเอง อีกทางหนึ่งก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปการเขียนจะค่อยๆ คลี่คลายความเครียด ความทุกข์ออกไปได้ แล้วในวันข้างหน้า ก็สามารถกลับมาอ่านเรื่องราวเหล่านั้นได้ และกลับกลายมาเป็นความทรงจำที่ดีในอนาคตอีกด้วย
การได้คุยกับตัวเอง กลับกลายมาเป็นความสุขง่ายๆ...
สรพ. ได้จัดประชุม The First Global Patient Safety Day เมื่อวันที่ 16 – 17 กันยายน 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศและแสดงเจตนารมณ์ขับเคลื่อนเรื่อง Patient Safety ร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
“Safety Concern in All Actions … ทำอย่างไรให้ทุกๆ วัน เป็นวันที่ผู้ป่วยปลอดภัย” มีเครื่องมือสำคัญ 2 อย่างที่จะช่วยให้ทำ RCA อย่างมีประสิทธิภาพ คือ 1) การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ โดยใช้ Driver Diagram เพื่อให้เข้าใจและหลุดจากกรอบคิดเดิม และ 2) การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ (New Technology) เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ในการแก้ปัญหา ดังเช่น Innovation for 2P Safety ที่โรงพยาบาลทั้ง 12 แห่งที่ได้พัฒนาขึ้นและจัดนิทรรศการในงานนี้ นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผอ.สรพ.
“Safety, A lot More...
ทางออกของปัญหา กับความสุขที่มีคุณภาพ
https://youtu.be/QDhJL-Pv1Rw
ปัญหา ปัญหา เชื่อว่าทุกคน ทุกอาชีพ ทุกตำแหน่งหน้าที่ ต้องพบเจอ แต่จะมีสักกี่คนที่จะกล้าเผชิญหน้ากับเรื่อง ที่เกิด และหากอยากทำให้ปัญหากลับกลายเป็นโอกาส ต้องคิดอย่างไร ปฏิบัติแบบไหน เมื่อเจอเรื่องทุกข์ ควรสร้างระบบการพัฒนาตัวเองอย่างไร เรามาหาแรงบันดาลใจ ในการแก้ไขปัญหา แบบมีความสุขกับ อาจารย์โกเมธ นาควรรณกิจ รองผู้อำนวยการ สรพ. กันคะ
งานของผู้เยี่ยมสำรวจ คือ การไขปัญหา ต้องศึกษา ต้องลงพื้นที่ ต้องลงไปแลกเปลี่ยนกับโรงพยาบาล ต้องผจญกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ต้องตัดสินใจ หรือต้องชี้แนะเขา ต้องกล้าที่จะชวนเขาให้แหกด่านบางอย่างออกมานี้ คือการก้าวออกมาจาก Comfort Zone คนเราทุกคนชอบอยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง เพราะรู้สึกว่าอยู่แล้วสบาย แต่จริงๆแล้ว เวลาจะออกจากตรงนี้ สิ่งแรกเลยที่คิด และต้องใช้บ่อยๆ คือ “ความกล้า” เราต้องกล้าและก็ท้าทายตัวเอง กับเรื่องที่เห็นอยู่ ตรงนี้ที่รู้ว่า จะไม่ค่อยราบรื่น หรือสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยได้พบมา แต่เราสามารถที่จะลุยออกไปได้ “ท้าทาย ไม่ต้องกลัว” นี้คือส่วนที่อาจารย์คิดอยู่เสมอ
พูดถึงความทุกข์ ชีวิตคนเราทุกคนต้องมีความทุกข์ แต่ว่าเรื่องที่ทุกข์อยู่ได้ไม่นาน อาจารย์เล่าว่าเป็นคนที่ไม่เก็บอะไรมาคิดไว้นาน ถ้าเกิดทุกข์จริงๆ...
ความสุขยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก
https://youtu.be/FmoZD303dCw
ในทุกอย่างมีความโชคดีในความโชคร้ายคะ และถ้าคุณหาสิ่งนั้นเจอ ก็ทำให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้นทีละเล็กทีละน้อยได้ คำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยป่วย เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายที่หัวใจ ใช่แล้วคะ คุณฟังไม่ผิด ระยะสุดท้าย และตอนนี้เป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว เราจะพาคุณไปรู้จักกับเธอและ ฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ
เธอ คือ คุณเบลล่า-ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ วินาทีแรกที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ตอนนั้นเธอยังเรียนไม่จบ และมีความคิดช่วงหนึ่งเข้ามาในหัว ว่าอยากจะทำภารกิจหรือทำหน้าที่ ความรับผิดชอบของตัวเองให้จบก่อน แล้วค่อยกลับมาให้ คีโม แต่พอเธอตั้งสติได้ก็รู้ว่านั้นเป็นความคิดที่ผิดมาก ทำไมจึงคิดถึงสิ่งของนอกกายมากกว่า ร่างกายตัวเอง เราควรให้ความสำคัญกับชีวิตมากกว่าเรื่องอื่นที่เป็นเพียงสิ่งสมมุติขึ้นมาพวกนั้น
การป่วยทำให้เธอมองเห็นความสุขทางใจ ที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อน ตอนที่ป่วยและรักษาตัวส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ แคบๆ ในตึก ความสุขที่เธอทำได้ คือ การอ่านหนังสือและได้มีเวลาทบทวนหลายอย่างในชีวิต ในช่วงที่ทุกข์ที่สุดของเธอก็มี เป็นช่วงที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแต่ต้องอยู่ ตอนนั้นเธอเล่าว่าทรมานมากๆ และตอนที่ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ต้องนอนอยู่ในห้องไอซียูซึ่งอาการหนักมากเรียกว่าเฉียดตายได้เลย เป็นช่วงที่เธอทุกข์กับตัวเองมาก ร่างกายกับจิตใจ ไปกันคนละทาง สิ่งที่ทำให้เธอผ่านช่วงนั้นมาได้ คือการอยู่กับปัจจุบัน และบอกตัวเอง ว่า ตอนนี้ยังกินข้าวได้ ตอนนี้ยังเดินได้ ถึงแม้ไม่มีผมก็ยังมีความสุขได้ คือกลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน เรื่องยังไม่เกิดขึ้นอย่าคิดไปเองอย่ากลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อีกสิ่งที่ต้องทำ คือ เปลี่ยนทัศนคติให้เป็นเชิงบวก ต้องหาข้อดีของแต่ละวัน การที่เราป่วย มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่ามองหาแต่ข้อเสีย
ความสุขของเธอ คือ การได้อยู่กับธรรมชาติกับหญ้าและต้นไม้ เธอหันมาดูแลตัวเองมากขึ้นด้วยการวิ่งในตอนเช้า...
ชวนสำรวจความสุข ในตัวสาวน้อยคิดบวก
https://youtu.be/z-74ls-l8Zo
เมื่อพูดถึง “สาวน้อยคิดบวก” ทุกคนจะนึกถึง ข่าวนักเรียนไทยที่ไปประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้าที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2554 นั้น คือ น้องธัญย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ ณ ตอนนั้น มีอายุ เพียง 14 ปี แต่เหตุการณ์นั้น ไม่ได้ทำให้ น้องธัญย์ ปล่อยตัวให้จมอยู่กับความทุกและอุปสรรคที่เพิ่มเข้ามาในชีวิต น้องธัญย์ กลับเปลี่ยนให้ สิ่งเหล่านั้น กลายเป็นพลังเพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้ตัวเองและผู้อื่น เป็นไปได้ยังไงมารองฟังเรื่องราวกันค่ะ
ในวันที่ท้องฟ้ามืดมัว แต่น้องธัญย์ก็ยังคิดว่า ความสุขเป็นตัวที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของตัวเอง เรียกว่าเกือบทั้งชีวิตเลย เพราะถ้าวันไหนเราไม่ยิ้ม ก็เหมือนกับชีวิตหมดพลังงาน น้องคิดว่าการยิ้มคือความสุข เป็นการเติมพลังงาน และเป็นกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป ให้ตัวเอง เลยเป็นสิ่งที่ทำให้น้อง ยิ้มให้กับคนอื่นเสมอ เพื่อเป็นการเติมพลังงาน บวก ให้กับผู้คนที่ ได้พบเจอ นี้เป็นการสร้างความสุขแบบง่ายๆ ฉบับน้องธัญย์
แต่น้องก็ยังอยากแบ่งปันความสุข เพิ่มขึ้นในอนาคตอีก คือ อยากจะช่วยสร้างความสุขให้กับคนอื่น ที่อาจจะไม่เคยพบเจอกันมาก่อน คือการจัดกิจกรรมดีๆ หรือว่าสิ่งที่ส่งต่อให้กับคนรอบข้างได้ ซึ่งตอนนี้ที่กำลังทำอยู่ และกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต คือการสร้างงานวิ่งให้คนพิการออกมาทำกิจกรรมวิ่งร่วมกัน นอกจากสร้างความสุขให้ตัวเองและครอบครัวแล้ว ยังมีความคิดดีๆ สร้างความสุขและกำลังใจให้กับ...
เคล็ดลับงานคุณภาพ วันนี้ ชวนมาเรียนรู้เรื่อง ข้อเท็จจริง 10 ประการเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ป่วย ในเดือนสิงหาคม 2562 องค์การอนามัยโลกได้จัดทำเอกสาร Patient Safety Fact File ซึ่งแสดงข้อมูลที่ทำให้ทุกคนตระหนักถึงสภาพความรุนแรงของปัญหาและผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจากการให้บริการทางการแพทย์
การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในยุคปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงกว่าการขึ้นเครื่องบินมาก โอกาสที่คนคนหนึ่งจะขึ้นเครื่องบินแล้วประสบอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตมีเพียงหนึ่งในสามล้าน ในขณะที่โอกาสที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่น่าจะป้องกันได้สูงถึงหนึ่งในสามร้อย นั่นคือสูงกว่าการขึ้นเครื่องบินประมาณหนึ่งหมื่นเท่า สถิตินี้เป็นผลมาจากข้อเท็จจริง 10 ประการ ที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง ข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้แก่
1 ใน 10 ของผู้ป่วยประสบอันตรายในขณะเข้ารับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าจะป้องกันได้
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากบริการทางการแพทย์น่าจะเป็น 1 ใน 10 ของสาเหตุการเสียชีวิตหรือสุขภาพเสื่อมโทรมของคนบนโลกใบนี้
4 ใน 10 ของผู้ป่วยที่รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกหรือที่คลินิกประสบอันตรายในขณะเข้ารับการดูแลรักษา โดยร้อยละ 80 เกิดจากสาเหตุที่น่าจะป้องกันได้ ซึ่งสาเหตุที่สำคัญคือการวินิจฉัยโรคคลาดเคลื่อน และการให้ยาที่คลาดเคลื่อน ผลของอันตรายเหล่านี้นำมาสู่การที่ผู้ป่วยต้องมานอนโรงพยาบาล ซึ่งเกิดขึ้นประมาณร้อยละ 6 ของการนอนโรงพยาบาลทั้งหมด
ร้อยละ 15 ของรายจ่ายด้านสุขภาพในประเทศที่พัฒนาแล้วเกิดจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
การลงทุนเพื่อสร้างความปลอดภัยในผู้ป่วยช่วยประหยัดเงินตราจำนวนมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปี 2010 – 2015 โครงการที่มุ่งเป้าเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยในผู้ป่วยช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้ประมาณ 28,000 ล้านดอลล่าร์
...
เคล็ดลับงานคุณภาพ วันนี้ชวนคุยเรื่อง แนวทางการจัดการประเด็น Ethical Dilemma หนึ่งในประเด็นทางจริยธรรมที่ยากลำบากในการตัดสินใจของแพทย์ที่ให้การรักษาผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิต คือ ในสถานการณ์ที่ผู้ป่วยกำลังจะเสียชีวิต และไม่น่าจะมีโอกาสรอดแล้ว อาจมีลูกของผู้ป่วยคนหนึ่งที่ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และรับรู้ถึงความทุกข์ของทั้งตัวผู้ป่วยเองและผู้ให้การดูแลที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาของการดูแลที่ยาวนานนี้ จึงมีความเห็นที่จะให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ แต่จะมีลูกอีกคนหนึ่ง แสดงความจำนงให้ดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่และถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ แพทย์ก็ต้องช่วยฟื้นคืนชีพอย่างเต็มที่ ซึ่งความคิดเห็นของญาติที่แตกต่าง อาจจะเกิดขึ้นจาก
1. ความเชื่อว่าการดูแลรักษาและช่วยฟื้นคืนชีพอย่างเต็มที่อาจจะมีปาฏิหาริย์
2. ความไม่ไว้วางใจว่าการที่แพทย์แนะนำให้หยุดการดูแลรักษาจะเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยรายนี้ แต่อาจะเกิดจากความต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล
3. ความรู้สึกลึกๆ ในใจว่ายังไม่ได้ดูแลบุพการีอย่างดีพอ จึงต้องการแสดงความกตัญญู โดยการดูแลบุพการีของตนให้ดีที่สุดในช่วงสุดท้าย
วิธีการที่จะช่วยจัดการกรณีที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างของญาติ ได้แก่
- เข้าใจความรู้สึกของญาติผู้ป่วยทุกคน และให้ข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจนและเพียงพอแก่ทุกคน
- เคารพในการตัดสินใจของผู้ป่วย (กรณีผู้ป่วยแสดงเจตจำนงที่เป็นไปตามหลักกฎหมาย) หรือของญาติผู้ที่รับมอบหมายให้เป็นผู้ตัดสินใจ
- แพทย์บันทึกคำอธิบายที่ได้ให้ไปแก่ญาติ และขั้นตอนการดูแลรักษาที่ครบถ้วนตามความเป็นจริง ไว้ในเวชระเบียน
- สื่อสารกับญาติผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงก่อนและหลังการเสียชีวิตของผู้ป่วย
ขอบคุณภาพประกอบ https://www.pobpad.com
Quality Learning
Collaborative Opioid Management for Patient Safety at Home: Practical Consideration
Quality Learning -
Collaborative Opioid Management for Patient Safety at Home: Practical Consideration
“การจัดการความปวดด้วย Opioid ต้องเกิดประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งต้องมาคู่กันเสมอ” ...
เคล็ดลับงานคุณภาพ วันนี้ชวนคุยเรื่อง Telemedicine Clinic ในปั๊มน้ำมันปตท. ซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการผู้ป่วยนอกแบบผู้ป่วยแบบไม่ต้องมาที่โรงพยาบาล เริ่มมีการพัฒนาเป็นรูปธรรมแล้วในประเทศไทย ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และเป็นรูปแบบที่น่าจะมีการขยายตัวมากขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และความต้องการของกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ต้องการไปผจญกับความแออัดที่โรงพยาบาล
ในเดือนกันยายน 2562 ปตท. มีแผนความร่วมมือกับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในการจัดตั้ง Telemedicine Clinic ในปั๊มน้ำมันของปตท. จำนวน 2 แห่ง ที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี และอำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งคลินิกดังกล่าวน่าจะเป็นต้นแบบของการพัฒนาการให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยแบบผู้ป่วยนอก โดยตัวผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาลโดยตรง
ในคลินิกดังกล่าว จะมีการพัฒนา Application เข้ามาช่วยในการนัดหมาย มีเครือข่าย telemedicine ที่เชื่อมข้อมูลการตรวจและการสนทนาของผู้ป่วยกับแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่ข่าย เพื่อให้แพทย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคที่เป็นและการสั่งยา มีตู้จ่ายยาในลักษณะเครื่องจำหน่ายสินค้าแบบไม่ต้องใช้คน (vending machine) เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกดรับยาสามัญทั่วไปที่แพทย์สั่ง ได้ที่ตู้จ่ายยา หรือในกรณีที่ยาที่สั่งไม่มีในตู้จ่ายยา ก็สามารถให้แพทย์สั่งยาจากที่โรงพยาบาล แล้วมีผู้นำยามาส่งและพักไว้ที่ Smart Locker ที่อยู่ในคลินิก เพื่อให้ผู้ป่วยมารับยาที่ Smart Locker ในวันเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้ต่อไป
ภาพประกอบโดย :https://sehatyab.com/hazarnaimat/tele-medicine-resuscitate-primary-care-pakistan/
องค์ประกอบ SHA จากการเยี่ยมสำรวจ
“ดอกไม้ที่สวยที่สุดยังไม่บาน” มาตาราฐาน HA จะยกระดับให้โรงพยาบาลมีคุณภาพประดุจดอกไม้ที่สวยงาม เมื่อโรงพยาบาลประเมิน HA จะพบว่ามีสิ่งที่เป็นโอกาสพัฒนา ยังไม่ใช่ดอกไม้ที่สวยที่สุด เมื่อเอามาตรฐานเป็นมาตรวัด คนในโรงพยาบาลเกิดความเครียด SHA เพิ่มมุมมองไปที่คนปลูกดอกไม้ บางครั้งดินไม่ดี น้ำแล้ง คนปลูกยังเพียรพยายามปลูกจนได้ดอกไม้ถึงเพียงนี้ SHA จึงเพิ่มมิติที่คุณค่าของคน มิใช่ประเมินเฉพาะคุณค่ามาตรฐาน
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงตรัสไว้ว่า “ฉันไม่ต้องการให้พวกเธอเป็นแต่ เพียงหมอเท่านั้น แต่ต้องการให้เป็นมนุษย์ด้วย” คือ แนวคิดที่ SHA ต้องการเผยแพร่สู่การปฎิบัติ เพื่อให้บุคลากรสาธารสุขให้ การดูแลรักษาคนไข้ด้วยวิชาชีพ และเอื้ออาทรต่อคนไข้ด้วยจิตใจของมนุษย์ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ดุจคำกล่าว “หมอรักษาไข้ มนุษย์เยียวยาคน” ...